ครม.ออก 7 ข้อป้องทุจริตจำนำข้าว พณ.เล็งดึงชาวนาถกเคาะราคาปีหน้า
ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีมติปรับขึ้นราคาการรับจำนำข้าวเปลือกโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2555/56 ไป 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ตามเดิม ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเสียงสะท้อนของประชาชนทำให้เห็นว่า นโยบายรับจำนำข้าวเป็นประโยชน์ และยังกำชับถึงการกำหนดราคารับจำนำข้าวในฤดูกาลถัดไป ต้องชี้แจงต่อสังคมอย่างรวดเร็ว และต้องรักษาสมดุลกลไกต่างๆ ทั้ง 4 ปัจจัย และควรนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ และกล้องซีซีทีวี มาใช้รวบรวมข้อมูลเกษตรกรและผลผลิตที่นำมาเข้าโครงการจำนำข้าว เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบความโปร่งใส นอกจากนี้ สั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการกับผู้ทุจริตในโครงการจำนำข้าวอย่างจริงจัง และควรแจกแจงให้สังคมเห็นว่า เป็นความบกพร่องในส่วนนโยบาย หรือขั้นตอนปฏิบัติ หรือเป็นปัญหาของตัวบุคคล คือผู้ปฏิบัติงาน จะได้แก้ปัญหาตรงจุด
ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวต่อว่า นายกิตติรัตน์ยังระบุด้วยว่า การที่กขช.เสนอให้เปลี่ยนมาใช้ราคาเดิมคือ ตันละ 15,000 บาท ถือเป็นเรื่องดี เป็นการส่งสัญญาณให้ประชาคมโลก โดยเฉพาะกองทุนไอเอ็มเอฟ และกองทุนจัดอันดับของต่างประเทศเห็นว่านโยบายดังกล่าวยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่ กขช.มีมติปรับลดราคาจำนำข้าวเหลือตันละ 12,000 บาท เป็นเพราะขณะนั้นมีข้อมูลไม่ครบในเรื่องจำนวนเกษตรกร และข้าวนาปรังที่ยังไม่ได้เข้าโครงการ แต่ขณะนี้รวบรวมตัวเลขและข้อมูลเกษตรกรที่จะนำข้าวสารมาเข้าร่วมโครงการแล้ว พบว่ารัฐบาลยังสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ในระดับราคาตันละ 15,000 บาท จึงปรับมาใช้ราคาเดิม
พณ.เล็งดึงชาวนาถกเคาะราคาปีหน้า
ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวว่า ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ แจ้งที่ประชุม ครม.ว่าจะเชิญตัวแทนชาวนาเข้ามามีส่วนร่วมให้ข้อมูลเรื่องการพิจารณาราคารับจำนำฤดูกาลหน้า คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ ในการประมวลราคาให้รักษาสมดุล 4 ประการ เมื่อพิจารณาแล้วจะประกาศราคารับจำนำข้าวในฤดูการ ผลิตหน้าได้ นอกจากนี้ จะดำเนินการระบายข้าวควบคู่ไปด้วย ซึ่งขณะนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีกับกลุ่มผู้ส่งออกเรื่องการผลักดันข้าวสู่ตลาดแล้ว
ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณามาตรการป้องกันการทุจริต มีทั้งสิ้น 7 ข้อ คือ
1.เร่งรัดการตรวจสอบข้าวที่คลังกลางที่อยู่ระหว่างการรมยาซ้ำเป็นครั้งที่สองภายใน 30 วัน
2.กรณีที่ตรวจสอบพบการทำความผิด ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทางแพ่งและอาญาโดยเด็ดขาด
3.มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จัดทำบัญชีแสดงความเคลื่อนไหวของข้าวจัดส่งประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชี
4.มอบหมายให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีปรับปรุงข้อมูลเพื่อปิดบัญชีโดยเร็วต่อไป
5.ให้อนุกรรมการระดับจังหวัดตรวจสอบและรายงานผลการรับจำนำข้าวเปลือกและสต็อก ให้ฝ่ายเลขานุการ กขช.ทราบภายในวันที่ 5 ของทุกเดือนเพื่อเสนอ ครม. ทราบในวันที่ 7 ของทุกเดือน
6.เห็นควรมอบหมายให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าว นำปัญหาที่เกิดขึ้นและข้อกังวลของสังคมในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ไปปรับปรุงการรับจำนำ
7.มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลตรวจสอบข้าวเปลือกให้อยู่ในปริมาณไม่เกิน 2.9 ล้านตันข้าวเปลือก
อ้างอิง ข่าวเพื่อไทย
http://www.ptp.or.th/news/m-detail.aspx?news_id=5330
ทำแบบนี้ เลือกตั้งครั้งหน้า ปชป....เข้าสูตร ด๋อยๆๆ
555
ครม.ออก 7 ข้อป้องทุจริตจำนำข้าว พาณิชย์เล็งดึงชาวนาถกเคาะราคาปีหน้า.........ปชป จะ ด๋อย หรือเปล่า
ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีมติปรับขึ้นราคาการรับจำนำข้าวเปลือกโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2555/56 ไป 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ตามเดิม ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเสียงสะท้อนของประชาชนทำให้เห็นว่า นโยบายรับจำนำข้าวเป็นประโยชน์ และยังกำชับถึงการกำหนดราคารับจำนำข้าวในฤดูกาลถัดไป ต้องชี้แจงต่อสังคมอย่างรวดเร็ว และต้องรักษาสมดุลกลไกต่างๆ ทั้ง 4 ปัจจัย และควรนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ และกล้องซีซีทีวี มาใช้รวบรวมข้อมูลเกษตรกรและผลผลิตที่นำมาเข้าโครงการจำนำข้าว เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบความโปร่งใส นอกจากนี้ สั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการกับผู้ทุจริตในโครงการจำนำข้าวอย่างจริงจัง และควรแจกแจงให้สังคมเห็นว่า เป็นความบกพร่องในส่วนนโยบาย หรือขั้นตอนปฏิบัติ หรือเป็นปัญหาของตัวบุคคล คือผู้ปฏิบัติงาน จะได้แก้ปัญหาตรงจุด
ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวต่อว่า นายกิตติรัตน์ยังระบุด้วยว่า การที่กขช.เสนอให้เปลี่ยนมาใช้ราคาเดิมคือ ตันละ 15,000 บาท ถือเป็นเรื่องดี เป็นการส่งสัญญาณให้ประชาคมโลก โดยเฉพาะกองทุนไอเอ็มเอฟ และกองทุนจัดอันดับของต่างประเทศเห็นว่านโยบายดังกล่าวยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่ กขช.มีมติปรับลดราคาจำนำข้าวเหลือตันละ 12,000 บาท เป็นเพราะขณะนั้นมีข้อมูลไม่ครบในเรื่องจำนวนเกษตรกร และข้าวนาปรังที่ยังไม่ได้เข้าโครงการ แต่ขณะนี้รวบรวมตัวเลขและข้อมูลเกษตรกรที่จะนำข้าวสารมาเข้าร่วมโครงการแล้ว พบว่ารัฐบาลยังสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ในระดับราคาตันละ 15,000 บาท จึงปรับมาใช้ราคาเดิม
พณ.เล็งดึงชาวนาถกเคาะราคาปีหน้า
ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวว่า ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ แจ้งที่ประชุม ครม.ว่าจะเชิญตัวแทนชาวนาเข้ามามีส่วนร่วมให้ข้อมูลเรื่องการพิจารณาราคารับจำนำฤดูกาลหน้า คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ ในการประมวลราคาให้รักษาสมดุล 4 ประการ เมื่อพิจารณาแล้วจะประกาศราคารับจำนำข้าวในฤดูการ ผลิตหน้าได้ นอกจากนี้ จะดำเนินการระบายข้าวควบคู่ไปด้วย ซึ่งขณะนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีกับกลุ่มผู้ส่งออกเรื่องการผลักดันข้าวสู่ตลาดแล้ว
ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณามาตรการป้องกันการทุจริต มีทั้งสิ้น 7 ข้อ คือ
1.เร่งรัดการตรวจสอบข้าวที่คลังกลางที่อยู่ระหว่างการรมยาซ้ำเป็นครั้งที่สองภายใน 30 วัน
2.กรณีที่ตรวจสอบพบการทำความผิด ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทางแพ่งและอาญาโดยเด็ดขาด
3.มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จัดทำบัญชีแสดงความเคลื่อนไหวของข้าวจัดส่งประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชี
4.มอบหมายให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีปรับปรุงข้อมูลเพื่อปิดบัญชีโดยเร็วต่อไป
5.ให้อนุกรรมการระดับจังหวัดตรวจสอบและรายงานผลการรับจำนำข้าวเปลือกและสต็อก ให้ฝ่ายเลขานุการ กขช.ทราบภายในวันที่ 5 ของทุกเดือนเพื่อเสนอ ครม. ทราบในวันที่ 7 ของทุกเดือน
6.เห็นควรมอบหมายให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าว นำปัญหาที่เกิดขึ้นและข้อกังวลของสังคมในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ไปปรับปรุงการรับจำนำ
7.มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลตรวจสอบข้าวเปลือกให้อยู่ในปริมาณไม่เกิน 2.9 ล้านตันข้าวเปลือก
อ้างอิง ข่าวเพื่อไทย
http://www.ptp.or.th/news/m-detail.aspx?news_id=5330
ทำแบบนี้ เลือกตั้งครั้งหน้า ปชป....เข้าสูตร ด๋อยๆๆ
555